หลังจากทางเครือข่ายคนดูหนังได้รับทราบข่าวการได้เรตห้ามฉายหนังไทยเรื่อง Insects in The Backyard ซึ่งขณะนี้หนังอยู่ระหว่างการส่งเรื่องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ทางเราจึงอยากให้มีการเรียกร้องให้มีการชี้แจงเรื่องการแบนหนังเรื่องนี้จากทางกระทรวงวัฒนธรรม
อาจจะมีผล หรือไม่มีผลใดๆ เลย แต่ย่อมดีกว่าเรานิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ชื่อของผู้ที่ลงนามทุกท่านเราจะพิมพ์ส่งไปเรียกร้องต่อกระทรวงวัฒนธรรมอีกครั้งหนึ่ง
หากท่านใดอ่านข้อเรียกร้องด้านล่างนี้แล้ว เห็นด้วยก็ขอช่วยกับลงชื่อที่ http://www.ipetitions.com/petition/insects/ และกระจายข่าวต่อด้วยครับ
ยัติภังค์
ผู้ดูแลบล็อกเครือข่ายคนดูหนัง
เรียกร้องให้มีการชี้แจงเรื่องการแบนหนัง Insects in The Backyard
ทาง Facebook ของนิตยสาร Bioscope แจ้งว่าภาพยนตร์ในโครงการ Indy Spirit Project หมายเลข 2 เรื่อง Insects in the Backyard ไม่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ซึ่งก็คือได้เรตห้ามฉาย เนื่องจาก “มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” และขณะนี้ทีมผู้สร้างกำลังทำเรื่องอุทธรณ์กันอยู่
Insects in the Backyard เป็นหนังอิสระว่าด้วยชีวิตของคนในครอบครัวหนึ่งประกอบด้วย เจนนี่ และจอห์นนี่ พี่น้องกำพร้าพ่อแม่ พวกเขาถูกดูแลโดย ทันย่า พี่สาวคนโตซึ่งเป็นเพศที่สาม เธอแต่งตัว กินอาหาร สูบบุหรี่ และทำตัวเหมือนดาราที่ชื่นชอบ ซึ่งสร้างบรรยากาศอึดอัดให้กับคนทั้งสอง และทำให้พวกเขาค่อยๆ ห่างเหินจากบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่จนหนีออกไปในที่สุด
เราเชื่อว่าแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีภาพ หรือประเด็นที่แรง ซึ่งไม่เหมาะสมกับผู้ชมทุกวัย แต่การจัดเรตหนังภายใต้ พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ.2551 การให้เรต ฉ 20- หรือ ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นเรตเดียวที่ต้องมีการตรวจบัตรประชาชนก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ในการแจ้งดังกล่าวไม่มีการบอกรายละเอียดว่าการขัดต่อความสงบ เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนคืออะไร ฉากไหน เราจึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ชี้แจงเหตุผลการแบนภาพนตร์ เรื่องนี้
[…] This post was mentioned on Twitter by warong, P▲TSonic ♥ Com, Nancy Leang, Parawarm , Alfred Armstrong and others. Alfred Armstrong said: RT @JEDIYUTH: RT @thaiaudience: ร่วมลงนามเรียกร้องให้มีการชี้แจงเรื่องการแบนหนัง Insects in The Backyard – http://bit.ly/dC6EgB […]
เคยได้ยินคณะกรรมการผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งบอกว่า จะพยายามขัดขวางทุกวิถีทางตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ (ไม่ใช่เรื่องนี้นะ) บางที่เราคงต้องปิดถนน เผาห้าง เรียกร้องกันแล้วมั่ง
เรียนคุณ Ronnayot
ผมไม่ไ้ด้เห็นด้วยกับวิธีคิดดังกล่าวเช่นกัน แต่คิดว่าไม่ควรพาดพิงลอยๆ แบบตีขลุมนะครับหากจำไม่ได้ว่าเป็นใคร (เดาว่าเป็นกรณีแสงศตวรรษ) และส่วนตัวด้วยข้อจำกัดต่างๆ ผมคงต้องดำเนินการในลักษณะนี้เป็นหลักไปก่อนครับ ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากเริ่มต้นต่อต้านด้วยความรุนแรง
หนังที่คุณ Ronnayot พูดถึงน่าจะหมายถึงเรื่อง anna and the king
ขอบคุณข้อมูลครับ
ยัติภังค์
ผู้ดูแลบล็อก
ควรยกเลิกการเซนเซอร์หรือสั่งห้ามฉายหนังได้แล้ว
เห็นด้วยอย่างที่สุดกับคุณ ภัควดี ครับ
ขอให้ภาพยนตร์ได้ฉายให้ผู้ชมชาวไทยได้ชม
การที่เรานิ่งเฉย ปล่อยให้มีการเซ็นเซอร์ ควบคุมสื่อต่างๆ อย่างภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ ด้วยข้ออ้างว่ามันเป็นสื่อลามก หรือ “ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” มันก็ไม่ต่างกับการที่เรานิ่งเฉย ปล่อยให้ผู้มีอำนาจรัฐลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างเราๆ นั่นเอง และท้ายที่สุด เมื่อเราเคยชินกับการไม่มีเสรีภาพ เราเองก็ไม่ต่างอะไรกับนักโทษในกรงขังเท่านั้นเอง
ขอร่วมต่อสู้กับการเซนเซอร์ปิดกันและแบนการแสดงออกทางความคิดและศิลปะทุกวิถีทางครับ
เรียนคุณภาณุ
กดลิงค์ด้านบนเพื่อร่วมลงชื่อได้เลยครับ บล็อกนี้เป็นส่วนแจ้งข่าวเท่่านั้น
ยัติภังค์
เครือข่ายคนดูหนัง
ถึงหนังเรื่องนี้จะมีภาพหรือเนื้อหาแรง ยังไงก็ไม่สมควรที่จะแบนเพราะว่ามันเป็นความจริงของสังคมไทยปัจจุบัน
ถึงจะแบนหนัง ยังไงพวกเราก็ต้องเห็นมันอยู่ทุกๆวันอยู่แล้วยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอก
ทำไมคนไม่คนกี่ชอบตัิดสินใจแทนคนอื่น… ไม่ยุติธรรมนะ เสียดายเดือนที่เขาจ้างมา
เมื่อมีระบบการจัดเรตแล้ว ควรให้ความเคารพแก่สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการรับรู้ข้อมูลของประชาชน การเปิดกว้างทางความคิดเท่านั้นที่จะทำให้ประชาชนเติบโตและมีวุฒิภาวะอย่างแท้จริง เว้นเสียแต่รัฐไม่ต้องการให้ประชาชนเป็นเช่นนั้น
วงการภาพยนตร์ คงเจริญขึ้นหรอก
ถ้ามีคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์
ที่ใช้สมองไม่ค่อยถูกเรื่องแบบนี้
มาร่วมลงชื่อด้วยคนครับ
ในเมื่อมีการจัดเรตหนังแล้วว่าใครควรจะได้ดูหรือเสพตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ ทำไมจะต้องมาสั่งแบนหรือมีสิทธิอะไรทึ่จะห้ามคนอื่นดู ความคิดความอ่านเพียงแค่ไม่กี่คนซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีระดับสติปัญญามากน้อยแค่ไหน เท่าสมองกุ้งหรือปัญญาควายหรือเปล่า?ก็ไม่รู้ได้ ทนมามากพอแล้วสำหรับเรื่องเซ็นเซอร์ แต่เมื่อมีเรตแล้วก็ยังเสือกที่จะกระทำแบบนี้ การจัดเรตก็ไร้ซึ่งความหมาย หรือเป็นช่องทางทำมาหาแดกทางอ้อมหรือเปล่า? ก็ไม่อยากที่จะคิดเช่นนั้น อยากให้สื่อเอาภาพกรรมการฯพวกนี้ออกมาให้เห็นชัดๆหน่อยเถิด อยากเห็นหน้าจริงๆ
ประโยคที่ว่า“มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” อยากให้พวกท่านคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ช่วยขยายความด้วยครับ เพราะสิ่งที่พวกท่านทำอยู่ในมุมมองของพวกเราก็เข้าข่าย “มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” เช่นกัน
คณะกรรมการกะลาครอบเนี่ย ถ้ายุบไปซะได้จะดีที่สุด
ผมอยากดูใครๆๆก้ออยากดู…
หมือนคุณเป็นเอกเคยอธิบายไว้เป็นประโยคที่ทำให้เห็นภาพชัดๆได้ว่า
“มีหมู่บ้านหนึ่ง สร้างสระว่ายน้ำขึ้นมา
แล้วบังเอิญมีเด็กในหมู่บ้านไปว่ายน้ำ
แล้วบังเอิญจมน้ำ
ทางแก้ของคุณไม่ใช่การสั่งปิดสระ
แต่ คุณควรสร้างสระเด็กขึ้นมา
เพราะผู้ใหญ่ที่เค้าอยากจะว่ายน้ำ ยังคงมีอยู่”
น่าจะประกาศฉายทั่วประเทศ เพื่อทำประชาพิจารณ์ไปเลย
ไม่ทราบว่าทางเครือข่ายคนดูหนังได้ลองสอบถามกับทางสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยตรงแล้วหรือยัง? เพราะจากที่ได้ลองโทรไปสอบถามกับทางสำนักฯ ทางนั้นก็ให้ข้อมูลมาโดยไม่ได้ปิดบังอะไร
คุณประดิษฐ์ โปซิว ผู้อำนวยการสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์แจ้งว่า หนังเรื่องนี้ได้รับคำสั่ง ‘ไม่อนุญาตให้ฉาย’ ตามมาตรา 29 ของ พรบ. ซึ่งไม่ใ่ช่เรทห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักรตามมาตรา 26 (ซึ่งคุณประดิษฐ์ก็เห็นด้วยว่าเป็นความลักลั่นซ้ำซ้อนของตัว พรบ. เอง) ด้วยเหตุผลว่า ‘มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน’ โดยในกรณี Insects in the Backyard นี้ ส่วนที่มีปัญหาคือฉากที่นักเรียนชายสวมเครื่องแบบนักเรียนเข้าโรงแรมเพื่อขายบริการทางเพศ ซึ่งกรรมการมองว่าเป็นจุดที่ ‘ขัดต่อศีลธรรมอันดี’ ส่วนฉากโป๊เปลือย หรือประเด็นรักร่วมเพศนั้น กรรมการไม่ได้มีปัญหาอะไร สาเหตุที่กรรมการออกคำสั่ง ‘ไม่อนุญาต’ ก็เพราะต้องการให้ผู้สร้างลองไปปรับเนื้อหาแล้วนำมายื่นใหม่ ก็น่าจะอนุญาตให้ฉายได้ แต่โดยส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าทางสำนักฯ ให้ข้อมูลรายละเอียดผู้สร้างไปอย่างไร และยังไม่ได้ดูหนังด้วยเลยไม่สามารถออกความเห็นได้
แต่ก็อยากสนับสนุนให้ทางฝ่ายผู้สร้างยื่นอุทธรณ์หากเนื้อหาที่นำเสนอไม่ได้มีเจตนาจะขัดศีลธรรมดังที่กรรมการกล่าวอ้างจริง ๆ และอยากให้ดำเนินเรื่องให้ถึงชั้นศาลหากจำเป็น เพื่อพิสูจน์สิทธิอันชอบธรรมในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีตามรัฐธรรมนูญ หวังว่าหนังเรื่องนี้จะมีโอกาสได้ฉายในฉบับสมบูรณ์โดยไม่ต้องตัดทอนใด ๆ ในท้ายที่สุด
หนังปัญญาอ่อนน่ะ ปล่อยออกมาจริงๆ แต่กับหนังดีๆ ซักเรื่องน่ะ ถ้าไม่ได้เซ็นเซอร์มันจะตายไหมวะ..?
อาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล หรือไม่ก็ปรับเปลี่ยนตามวิถีของเราต่อไป อยู่ที่หัวใจของฉันและคุณ
สำนักงานใต้ดิน
เรียนคุณกัลปพฤกษ์
ขออภัย ผมไม่ได้สอบถามครับ เพราะไม่มีเวลา ปัจจุบันสิ่งที่ทำอยู่นี้ก็เบียดบังชีวิตส่วนตัวไปพอสมควร ผมเองไม่ได้มีประสบการณ์ที่น่าประทับใจอะไรนักกับกระทรวงวัฒนธรรม เคยโทร.ไปเรียกร้องเรื่องโฆษณาที่ยาวเกินในโรงหนังทางสายด่วนวัฒนธรรม 1 เดือนมาแล้วยังไม่มีคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่สิ่งที่เราเรียกร้องเพราะการแจ้งกับทางผู้สร้างด้วยเหตุผลดังกล่าวทางลายลักษณ์ (“มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน”) ผมคิดว่ามากเพียงพอแล้ว เพราะหลังจากมีข่าวมาได้ 1 สัปดาห์ มันสร้างความสับสนพอสมควร คนที่เห็นด้วยกับการแบนก็มาเดาไปต่างๆ นานาว่าหนังโดนแบนเพราะมีฉากสูบบุหรี่เยอะเกินหนังปรกติ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็เดาไปต่างๆ เช่นกัน เช่นเรื่องเนื้อหารักร่วมเพศ ฯลฯ ซึ่งการบอกปากเปล่ากับผู้สร้างภายหลังว่าให้เรตแบบนี้เพราะอะไร อาจไม่สามารถใช้ได้จริงผมก็ไม่ทราบได้ แต่มันสามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ และไม่มีลักษณะเป็นสาธารณะ
ข้อเรียกร้องของเราคงไม่ใช่แค่มองเพียงหนังเรื่องนี้ แต่การจัดหนังของไทยหนึ่งปีที่ผ่านมามีปัญหาหลายเรื่อง คนดูทั่วไปไม่ทราบเลยว่าหนังเรื่องนี้ได้เรต ท น 13+, น 15+, น 18+ หรือ ฉ 20- เพราะอะไร หรือหนังเรื่องไหนในประเทศที่ห้ามฉาย แน่นอนว่าเราไม่เห็นมาตรฐานในการจัดเรตเลย เหมือนกับว่าคู่มือที่ถูกกล่าวอ้างว่าใช้ในการจัดเรตนั้นไม่ได้ใช้ การเรียกร้องครั้งนี้จึงหวังว่าจะเป็นส่วนที่ทำให้หน่วยงานดังกล่าวเห็นว่าการชี้แจงรายละเอียดของเรตหนังเรื่องต่างๆ ให้ทราบมีผลดีมากกว่าปัญหาที่เกิดอยู่ในขณะนี้
ยัติภังค์
เซ็นเซอร์ = เผด็จการ
ผมคิดว่า บางอย่างทำไปก็
มากไป แต่บางอย่างเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็ทำให้เป็นเรื่อง
เรื่องที่เป็นประเด็นมากมาย และมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ทำ.
ถึงคุณยัติภังค์
ดีใจที่เห็นแรงกระเพื่อมเคลื่อนไหวในกรณีเช่นนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้เป็นการพุ่งหอกเข้ารกที่อาจทำให้เสียกำลังกันเปล่า ๆ หากมีข้อมูลอะไรบ้างก็น่าจะช่วยให้คิดไขปัญหาได้ตรงจุดขึ้น
เห็นด้วยว่าเป็นหน้าที่ของทางสำนักฯ ที่ควรต้องแจ้งเหตุผลให้ทราบด้วยว่าหนังได้เรทต่าง ๆ เพราะอะไร โดยเฉพาะกรณี ‘ไม่อนุญาต’ เช่นนี้ยิ่งต้องมีการชี้แจงให้ชัดเจน แม้ใน พรบ. มาตรา 29 จะระบุเกณฑ์เอาไว้กว้างมาก แต่อย่างน้อยกรรมการก็ควรต้องให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการด้วยว่าหนัง ‘ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน’ ตรงไหน อย่างไร แต่กับกรณี Insects in the Backyard นี้เหมือนฝ่ายผู้สร้างเองก็ไม่ได้รับข้อมูลนี้ด้วยซ้ำ
พรบ. และกฎกระทรวงฉบับนี้ดูจะมีปัญหามาก มีส่วนที่ลักลั่นซ้ำซ้อนคลุมเครือกระทั่งมีเนื้อหาขัดแย้งกันเองอยู่หลายจุด น่าจะมีการเรียกร้องให้ทบทวนเพื่อแก้ไขด้วย
ขอบคุณครับ
เราเคยถกกันเรื่องการแก้กฎหมายในส่วน พรบ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ฉบับนี้หลายครั้ง แล้วมีส่วนทีี่มีปัญหาอยู่มาก แต่เพราะรายละเอียดค่อนข้างมากนั่นเองทำให้ไม่ได้รับการตอบรับเท่าไหร่ ก็คงต้องพยายามต่อไปครับ
ร่วมคัดค้านการตัด บัง เบลอ
กลุ่มคนที่จะรับชมภาพยนตร์เหล่านี้มีวุฒิภาวะพอสมควรครับ การชี้ว่าอะไรเหมาะกับประชาชน น่าจะฟังเสียงประชาชนด้วยไหมครับ อยากให้ฟังเสียงของเราบ้าง
XX
เกรงว่าจะมีท่านที่เข้าใจผิดนะครับ การลงชื่อเราจัดไว้ที่ด้านล่างนี้ ขอบคุณมากครับ
http://www.ipetitions.com/petition/insects/
ถ้าจะเอาเงินภาษีเราไปจัดเรทติ้งหนัง
ก็ควรจะเลิกแบนและเซ้นเซอร์หนังได้แล้ว
เราคิดเองเป็น ไม่ต้องยืมสมองของคนหัวโบราณมาคิดให้ ว่าอะไรควรดู อะไรไม่ควรดู
[…] (ที่มาจาก เครือข่ายคนดูหนัง) […]
หงุดหงิดจังเลย ที่มีคนคอยควบคุมไม่ให้เราเรียนรู้
ร่วมลงนามแบนอีกอย่างได้ไหมครับ
อยากแบน “คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์” เหลือเกิน 55++
จริงแล้วเห็นด้วยกับเครือข่ายนะครับ เพราะว่าปัจจุบัน เราถูกบังคับด้วย เรต ทั้งหมด แต่ในเรื่องของการบอกว่าห้ามฉาย โดยไม่ได้แจ้งรายละเอียด ก็เท่ากับว่า คนหมู่มากไม่ทราบถึงเหตุผลที่ ใครต่อใคร ที่ได้เป็นกรรมาธิิการพิจารณา เลือกที่จะไม่ตอบเอง หรือว่าเป็นกฏหมายบังคับหรือว่า คนเหล่านั้นที่สิทธิในการพิจารณา ปิดบัง ซ้อนเร้น ความจริงอะไรในตัวเขาหรือเปล่า เหตุผลคือสิ่งสำคัญ ที่้ต้องบอกให้คนที่เขาดูหนังเป็น มีสมองคิด มีความเจริญงอกงามในวัฒนธรรม ได้มีสิทธิ ในการเลือกสิ่งต่าง ๆ แต่นี้แม้แต่ เรต ที่ตั้งมา ยังทำให้ไม่ได้แ้้ล้วจะไปแข่ง เรื่องหนังกับต่างประเทศเขา เมากันเหรอเปล่าอ่ะครับ คิดในเชิงสร้างสรรค์หน่อย ถ้าหนังไม่มีสาระสำคัญในตัวหนังหรือขัดต่อศีลธรรมที่ว่าจริง ผมว่าละคร ช่องฟรี T.V. อย่าไปมันเลย แมร่งสร้างสรรค์สังคมจริง ๆ
เอาอะไรมาตัดสินว่าพวกเราไม่ควรดูหนังดูละครเรื่องนั้นโน้นนี่
จะแบน แล้ว จะมีการ จัดเรท หาพระแสงดาบอะไรครับ
ถ้าศีลธรรมเป็นสาเหตุของการปิดกั้นเสรีภาพทางสื่อ
เราก็ควรยุบคำว่าศีลธรรมทิ้งไปจากประเทศไทยเลยดีมั้ย
แบนเพราะอะไร
ทำไมหนังจึงถูกแบน
ดูเหมือนเป็นคำถามที่มี “ความรู้สึกส่วนตัว” ของผู้แบนเท่านั้นที่ตอบได้..
หนังดีๆ(ที่ผู้แบนไม่ชอบ) จึงไม่ได้ฉายในบ้านเกิดเสียที..
ศีลธรรมมันอยู่บุคคล ไม่เกี่ยวกับหนัง
พวกชอบหลอกตัวเอง … ว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วเซนเซอร์ เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว … การทำแบบนี้เค้าไม่ได้เรียกว่า พัฒนา
….เฮ้ยนิสัยเสีย
พวกนี้ไม่ยอมรับความจริง และไม่กล้ารับความจริง แค่นี้ก็แบนหนังเค้า พวกตัวอิจฉากรี้ดๆๆๆน่ะน่าจะแบนได้นะ นอกจากเป็นตัวอย่างไม่ดีแล้วดูยิ่งน่ารำคาญ
ชี้แจ้งเหตุการยกเลิกยื่นข้อเรียกร้องการแบนหนังเรื่อง Insects in The Backyard
ผมว่าที่สังคมมันเละ ๆ ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมันก็เกิดการเลียนแบบหนังน่ะ จริงอยู่ ว่าทุกคนมีสิทธิ์ของตัวเอง แต่คิดว่า บางทีก็ควรอยู่ในกรอบน่ะ ตรวจบัตรประชาชนก็เข้าชมหนัง คิดว่ามันคุมได้แล้วหรือ วีซีดีเถื่อนมันเกลื่อนเมืองไปหมดแล้ว เยาวชน บางทีวิจารณญาณ น้อยน่ะ อยากฝากผู้กำกับหนัง ให้มีจรรยาบรรกันบ้าง ไม่ว่า จะหวังแต่เงินอย่างเดียว แคร์สังคมกันหน่อย ถึงงบน้อย แต่ก็ทำหนังที่ดี ๆ ได้ข้อคิดได้น่ะ ไม่รู้ว่าจะทำหนังพวกนี้มาเพื่อหวังผลอะไร ให้สังคมได้คิด เหรอ ใช่ แต่ดาบมันก็มีสองคมเสมอน่ะ มันก็เป็นตัวอย่างให้เยาวชนได้เหมือนกัน สร้างสรรค์กันหน่อย ขอร้อง ๆ
แล้วคุณ chai ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วหรือยังครับ ? วีซีดีเถื่อนเกลื่อนเมืองมันเป็นอีกปัญหาหนึ่ง ต่อให้ห้ามสร้างหนังแบบนี้ในเมืองไทย หนังต่างประเทศนั้นยิ่งกว่านี้ครับ
เพิ่มเติมนะครับ ผมเคารพในความเห็นต่างของคุณ chai แต่เรื่องศีลธรรม หรือจรรยาบรรณ ถ้าอยากให้มีควรกำหนดให้มีเป็นข้อๆ บอกชัดเจนว่าการกระทำแบบไหนผิดศีลธรรมอันดี เพราะประชากรไทยมี 70 ล้านคนมาตรวัดในเรื่องนี้ไม่มีทางเหมือนกัน ศีลธรรมอันดีของกระทรวงย่อมไม่เหมือนกับเขา แต่นี่ใน พรบ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์กลับเขียนอยู่แค่นั้น
อย่าเอาความคิดเห็นตัวเองมาตัดสินหนังเลยว่าสมควรแบนหรือไม่ ในเมื่อมีการจัดเรทก็น่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ คนดูหนังไม่จำเป็นต้องทำตามหนังเสมอไป เพราะสาเหตุนี้ไงคนไทยถึงได้ไม่พัฒนากันสักเรื่อง เพราะมัวแต่ปิดกั้นกันเองจากทางสังคม คนไทยหนอคนไป น่าสงสารคนทำหนังจริงๆ
ห้ามให้ดูอะไรที่อาจเลียนแบบได้ ทั้งที่อ่านข่าวก็เจอทุกวัน(ลูกฆ่าพ่อฆ่าแม่ฆ่าเพื่อนฆ่าแฟนฆ่าอริฆ่าๆๆๆ) ดูละครหลังข่าวก็มีทุกวัน(ตบตีด่า.กรี๊ดกร๊าด.เอาแต่ใจ.อาฆาตมาดร้าย.และมีเพศที่ 3 กับละครเกือบทุกเรื่อง) เดินตามถนนก็เจอ(คนสูบบุหรี่) ทุกวัน แม้แต่ความรุนแรง คงไม่ต้องบอกว่าเราเจอกันมาขนาดไหน(ตย.ตอนสลายชุมนุม) ขนาดอาวุธปืน ยังมีขายตามร้านอนุญาติ การพนัน หวย ก็ยังมีการจับฉลากทุกครึ่งเดือน เดินไปกินส้มตำยังเจอคนกาบอล แล้วจะแบนอะไรที่เรายังไม่เคยเห็นอีกหรือ???
อ้อ ลืมเรื่อง sex คิดว่าคงไม่ต้องยกตัวอย่าง เพราะเราอายุเกิน 20 กันแล้วคงผ่านมาด้วยตัวเองกันซะส่วนใหญ่
น่ายินดีที่มีคนยังมองเห็นเราเป็นเด็กอนุบาลอยู่
อ้างอิงจากคุณ chai นะ
หลายครั้งที่คนเห็นต่างแต่ไม่ได้มองถึงความคิดต่างของตัวเองหรอกว่า สิ่งที่กำลังคิดอยู่นั้น ตัวเขาเองกำลังคิดอะไรกัน การที่เอาตัวเองเ็ป็นบรรทัดฐานกับการเลือกสักอย่างเพื่อคนอื่นนั้น อยากให้ลองคิดให้ดีว่า คุณ คิดถูกหรือผิด ต่อคนหมู่้มากที่ว่ายังไง ในเมื่อระดับการแบ่งแยก ของแต่ละประเภทมีอยู่แล้ว และไม่ได้มี 2 หรือ 3 ระดับให้เลือกนี้ครับว่า มันจะเข้ากรอบหมดทั้ง 2 หรือ 3 ระดับที่ว่า
ส่วนเรื่องของโรงภาพยนตร์ อันนี้ก็เป็นปัญหานะ เพราะว่า โรงภาพยนตร์ ส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมเรื่องการแอบฉายได้ ในเมื่อโรงภาพยนตร์ ยังหากินกับการขายโดยการแอบถ่ายอย่างนี้ก็อย่าได้ิคิดเลย ว่าคน ที่ทำงานด้านนี้จะ งอกงาม เหมือนกับศีลธรรม ที่ทางกระทรวง พูดไว้ ถ้า คนที่คุมและใช้ข้อบังคับทราบดีว่า เขาควรทำอะไร ควรทำแบบไหน ประการใด ผมว่าปัญหาก็ึคงไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้หรอกครับ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่คณะกรรมการจัดเรตชุดนี้ห้ามฉายด้วยคำ สุดจะ คลาสสิก “ศีลธรรมอันดีงาม วัฒนธรรม ประเพณี” อยากจะถามจริง ๆ เหมือนกัน ว่าพวกคณะกรรมการกว่า 7 ชุด คิดได้อย่างนี้จริง ๆ หรือเปล่าว่า ไอคำที่พูดถึงเหล่านั้น พวกมึง เข้าใจกันจริง ๆ หรือ ?
พยายามและแสล้ง ว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เที่ยวตัดสินใจแทนผู้อื่นไปหมด ว่าอันนั้นไม่ดี อันนี้ดี อยากจะทราบอีกจริง ๆ เหมือนกันว่า คณะกรรมการแต่ละชุดนั้นมีใครบางที่ตรรกะยังเป็นปกติและมีความคิดที่ดีต่่อสังคมจริง ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับสังคมบ้าง ไม่ว่าจะมาจากอัยการ หรือ นักการเมือง หรือ สาขาใด ก็ตาม แต่ในชุด 7 คนนั้น ขอตัวแทนจากเครือข่ายได้ไหมหล่ะ ถ้าแน่จริง ฟร่ะจะจัดใ้ห้ดูซะเลย
แต่ละปีตรวจหนังกว่าพันเรื่อง คุณ มีเวลามากพอแน่หรือ ที่จะตรวจหมดและดูจากต้นจนจบได้ อย่าโกหก คนที่เขารู้อยู่อีกเลย เพราะถ้ายิ่งทำอะไรไปมากกว่านี้ จะไม่ไหวแล้วหน่ะ