กล้าพอไหม ถ้าแอนิเมชั่นไทยจะไม่ง้อเด็ก ?


ในนิตยสารไบโอสโคป ฉบับที่ 88 มีนาคม 2552 หน้าปกภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นภาคต่อของไทยเรื่อง “ก้านกล้วย 2” คุณนคร โพธิไพโรจน์ ได้เขียนบทความเกี่ยวภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “กล้าพอไหม ถ้าแอนิเมชั่นไทยจะไม่ง้อเด็ก”

ซึ่งบทความดังกล่าวในนำข้อคิดเห็นจากตัวแทนของเครือข่ายครอบครัว และเครือข่ายคนดูหนัง เราจึงขออนุญาตตัดบทความบางส่วนมาให้เห็นความคิดเห็นเกี่ยวกับแอนิเมชั่นไทยดังนี้

อัญญาอร พานิชพึ่งรัถ ตัวแทนเครือข่ายครอบครัว เชื่อว่ากลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองยังไม่น่าจะพร้อมรับการแหวกขนบของอนิเมชั่นในบ้านเราได้ในเวลาอันใกล้นี้ โดยยก “ก้านกล้วย” ภาคแรกเป็นกรณีตัวอย่างที่แม้จะสะอาดเพียงใดก็ยังมีภาพความรุนแรงปรากฎอยู่ดี

“ขนาด ‘ก้านกล้วย’ ยังมีฉากที่ช้างใช้งาแทงกันตายเลย หนังมันติดแค่จุดนี้ จุดเดียวจริงๆ ไม่อย่างนั้นภาพรวมคงจะดีกว่านี้เยอะ แต่อย่าง ‘ก้านกล้วย’ นั้นเรารับได้ แอนิเมชั่นเนื้อหารุนแรงหรือสร้างแนวคิดผิดๆ ให้กับสังคม ก็น่าจะมีคนพร้อมรับแต่คงเป็นส่วนน้อย ซึ่งถ้าเป็นในกลุ่มเครือข่ายเองเนี่ย หากได้ดูภาพรวมแล้วพบว่ามันเกินจะรับได้จริงๆ ก็คงต้องบอกว่าไม่พร้อมรับ แต่เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีไงคะเลยสรุปไม่ได้ว่า ถ้ามีจริงๆ เราจะรับได้หรือเปล่า”

ด้าน ณัฏกร บุญมาเลิศ ตัวแทนเครือข่ายคนดูหนังก็เห็นคล้ายกันว่า หากมีแอนิเมชั่นแนวแปลกออกมา คงมีคนส่วนน้อยที่พร้อมตอบรับ “ถ้าออกมาเป็นงานลักษณะเดียวกับ Persepolis ที่มีอารมณ์ต่อต้านสังคมก็อาจมีคนกลุ่มอนุรักษ์นิยมออกมาโจมตี แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเก่งของคนทำด้วยว่าสามารถทำให้คนสัมผัสและเข้าใจถึงแมสเสจที่ต้องการจะเล่าได้ดีแค่ไหน หากในขั้นแรกคนดูรับรู้ได้ในวงกว้างมันก็สามารถทำให้เกิดงานลักษณะนี้ตามออกมาได้อีกค่ะ ซึ่งโดยส่วนตัวเนี่ยรับได้ และค่อยมาพูดถึงเนื้อหากันทีหลัง ขอให้มีออกมาก่อนแล้วกันเพื่อที่วงการจะได้เกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง

อย่างไรก็ตามบทความนี้เหมือนจะสรุปว่า “สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคนทำ” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ หนึ่งในหลายความเห็นจากผู้สร้าง ดังเช่น ณัฐทพงศ์ รัตนโชคสิริกูล ผู้กำกับ “นาค” ให้ความเห็นว่า “เพราะแอนิเมชั่นเป็นสื่อที่คนเข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย จึงอยากทำงานให้คนสัมผัสได้มากที่สุดมากกว่า ขณะเดียวกันเราก็ต้องเล่าสาระสำคัญที่ต้องการจะสื่อแก่คนดูด้วย และเมื่อคนทำแอนิเมชั่นส่วนใหญ่ยังอยู่ในระบบสตูดิโอ นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับคนทำแล้วว่าจะมีชั้นเชิงในการนำเสนอหรือแฝงแมสเสจลงไปในหนังได้แนบเนียนแค่ไหน”

บทความนี้จึงอยากโยนหินถามทางแก่ผู้เข้าบล็อกเครือข่ายคนดูหนังว่า “กล้าพอไหม ถ้าแอนิเมชั่นไทยจะไม่ง้อเด็ก ?” โดยให้เหตุผลที่สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์มาด้วยก็จะยิ่งดีครับ

ใส่ความเห็น