“ผมโดนมาเยอะ ผมเจ็บมาเยอะ” อีกหนึ่งเสียงบ่นจากคนดูหนังมัลติเพล็กซ์


นักดูหนังหลายท่านที่ดูหนังในโรงประเภทมัลติเพล็กซ์เป็นประจำอาจจะเคยใช้บริการบัตรรายการต่างๆ เพื่อเป็นสิทธิพิเศษ, แลกของรางวัล, ลดราคาในการชมภาพยนตร์ และทำกิจกรรมต่างๆ มาบ้าง

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงื่อนไขของบัตรที่ให้บริการเหล่านี้คงไม่สามารถอำนวยความสะดวกได้ดังใจเราทุกอย่าง แต่ปัจจุบันเราก็พบว่ามีผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนจากการเสียเงินซื้อบัตรเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ

นี่คืออีกหนึ่งเสียงบ่นจากคนดูหนังที่ใช้นามแฝงว่า “นังจิ้งจอก” (จากเว็บไซต์ popcornmag ) ซึ่งเรายกมานำเสนอเป็นตัวอย่างเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกท่านที่มีฐานะของ “คนดูหนังคนหนึ่ง” และประสบชะตากรรมคล้ายคลึงหรือแตกต่างกัน มาเพื่อตั้งคำถามต่อธุรกิจภาพยนตร์ในปัจจุบันเท่านั้น

———————————-

mcash

ระลอกแรก
ก่อนหน้านี้สมัยยังวัยรุ่นกรุ่นๆ ผมจะต้องซื้อบัตรลดของ EGV 100 บาท ลดได้ 20 ที่นั่งๆละ 20 บาท

หลังจาก Major หันมาสมานฉันท์กับ EGV ผมก็ยังไม่แคล้ว อุดหนุนบัตรลดแบบเดียวกัน

หลังจากนั้นไม่นาน บัตรลด 20 ประเภทแจกตาม BTS ก็เข้ามาให้ผมกังวลใจ (ว่า ทำไมตูต้องเสียตังซื้อด้วยวะเนี่ย เห็นแจกกันเป็นปึ๊ง!!)

และแล้ว Major ก็หักหลังผู้บริโภคด้วยการ ยกเลิกสิทธิ์การดูหนังใหม่ โดยไล่ให้ไปจ่ายราคาเต็ม

เริ่มรู้สึกว่าตัวเองโง่ๆนิดหน่อย

ระลอกที่สอง
Major ออกบัตร M-CASH โดยหวังจะเพิ่มช่องทางในการดูดเงินลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยโปรโมทเรื่องความรวดเร็วในการสั่งซื้อทางเนต และ ตู้อัตโนมัติ (กว่าจะใช้ได้จริง กินเวลากว่า 3 ปี)

และแน่นอน สำหรับลูกค้าชั้นเลิศอย่างผม ไม่วายที่จะอุดหนุน เพราะ จ่าย 2000 ได้บัตรมูลค่า 2400 บาท!!

ประหยัดไป 20% (ในแง่ของการซื้อตั๋วแบบปกติ)

แต่ เมื่อใดก็ตามที่จำเป็นจะต้องดู ราคาที่นั่งพิเศษ เช่น ที่นั่ง 140 (ในกรณีคนเยอะ) ที่นั่ง 170 (คนน้อยดี นั่งสบาย ไม่มีผี) หรือ หนังยาวกว่าปกติที่พวก”มัน” หาเรื่องเก็บตังเพิ่ม

ความซวยก็พร้อมจะกลับมาหาอีกครั้ง

ทำไม?

เพราะ ถ้าใช้เงินไม่พอดีกับบัตร มันไม่สามารถย้ายจากใบนึง สู่ ใบนึงได้ นอกจากจะเอาไปซื้อ ข้าวโพดคั่วเทวดา กับ น้ำอัดลมนางฟ้า

เช่น เหลือตังในบัตร 50 บาท คุณไม่สามารถซื้อตั๋วหนังได้ (ตั๋วราคา 120+) คุณต้องเอาไปซื้อของกินเทวดาชุดใดก็ได้แทน

กลับมาโง่อีกเป็นครั้งที่2

ล่าสุดไปต่อคิวซื้อตั๋ว Watchmen

โอ้วโห คนยาวเป็นหางว่าว!! เพราะ เค้าให้พนักงานพยายามขายบัตร M-cash รุ่นใหม่ “รุ่นเติมตังได้”

โดยเหลือพนักงานเคาท์เตอร์ 3 คน

พนักงานแต่ละคนพยายามขายกันสุดแรงเหมือนเป็นเจ้าของบริษัทมาเอง

แต่ละคน ล้วนแล้วแต่หว่านล้อมด้วย ของแถมมูลค่ากว่า 2000 บาท เมื่อซื้อบัตร 1000 บาท(บวกค่าสมาชิก 100บาท รวมเป็น 1100 บาท)

และ บัตร 2000 บาท ได้ของแถมกว่า 4000 บาท

โดยในกรณีของแถมชุดบัตร 1000 บาทนั้นได้แก่
1. บัตรชุดป๊อบคอร์น 1 ใบ (ไม่รู้ว่าแลกได้แต่ รสเค็มรึป่าว?)
2. บัตรอัพเกรดที่นั่ง 80 บาท (ไม่รู้ว่าใช้ได้กี่ครั้ง)
3. บัตรแลกไอติม Red Mango 130 บาท (เคยเห็นในทีวี ไม่รู้ว่าเจ้าเดียวกับที่ขายเครื่องสำอางค์ Red earth รึป่าว?)
และ สุดท้าย อันนี้สุดยอด แห่งสุดยอด
4. บัตร ทดลองใช้ California WOW 7 วัน!!! ราคา 2,xxx บาท (บัตรนี้เห็นแจกตามรถไฟฟ้าเมื่อเดือนที่แล้ว ยังไม่อยากจะได้เลย)

ผมต้องเอาตัง 100 บาท (ค่าสมาชิก 1 ปี) มาแลกของแถม งี่เง่าๆแบบนี้นี่นะ?

ผมคุยกะเพื่อนเล่นๆว่า ถ้ามันเปลี่ยนเป็นตั๋วหนังสักที่ ผมจะซื้อทันที 2 ใบ(major ไม่มีอะไรเสียเลย แค่แจกตั๋วฟรี กำไรเห็นๆ)

ตอนนี้ก็ดูๆอยู่ว่า จะเอาเงินไปให้มันหมุนเล่นดีรึป่าว? แต่ยังตะขิดตะขวงใจเรื่องของแถมอยู่ ไม่รู้มันเอาอะไรคิด?

—————————

เครือข่ายคนดูหนังเปิดกระทู้ให้ร่วมถกกันเกี่ยวกับปัญหานี้ใน “รวมกระทู้บ่นและถกปัญหาของโรงภาพยนตร์” ที่หน้ากระดานข่าวของเรา

11 responses

  1. เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ คำร้องเรียนข้างต้น เป็นการเอาเปรียบกับผู้บริโภคจริงๆ อีกอย่างคับ ไม่รู้เป็นที่โรงภาพยนต์ของ เมเจอร์อย่างเดียวรึป่าวเวลาซื้อบัตรไปดูหนังทุกเรื่องต้อง มีโฆษณาก่อยฉาย 40 นาที ทั้ง โฆษณา น้ำยาบ้วนปาก เป๊ปซี่ ยาแก้ปวด ฯลฯ รู้สึกเหมือนผมมั้ย หน้าบัตร บอกหนังฉาย 13.30 น. แต่พอเข้าไป เจอโฆษณา 40นาที กว่าหนังจะฉาย ล่อไป บ่าย สิบนาที…เสียเงินเข้าไปดูหนังนะคับ ไม่ใช่ไปดูโฆษณา ถ้าโฆษณาเกี่ยวกับหนังใหม่ที่จะเข้า มันเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว แต่พวก โฆษณา น้ำยาบ้วนปาก เบียร์สิงห์ แกงป่าปลาดุก จะโฆษณาทำมัยคัยพี่น้อง น่าเบื่อ….

  2. อีกหนึ่งเสียงบ่นจากห้องเฉลิมไทย พันธ์ทิพย์.คอม โดย คุณกึ่งยิงกึ่งผ่าน

    ความไม่จริงใจต่อลูกค้าของ Major กรณีบัตร M-Cash
    ช่วงหลายเดือนก่อนผมไปดูหนังที่ Major สาขา Central พระราม 2 ตอนนั้นแถวยาวเชียว
    แต่ก็เห็นคนมายืนกดๆ ที่ตู้แล้วได้ตั๋วออกมา ก็ยังคิดอยู่ว่ามันคงคล้ายๆ กับที่เอสพลานาด
    ที่มีบัตรคล้ายๆ บัตรเติมเงิน ซึ่งถ้าใช้ไม่หมด ก็แลกเงินคืนได้

    พอถึงคิวผม ก็ได้รู้จากพนักงานว่าเป็นตู้ของบัตร M-Cash ซึ่งจะใช้คู่กับบัตร M-Cash
    ที่มีมูลค่าในบัตรเท่านั้นเท่านี้ ผมก็สนใจมาก เพราะจุดประสงค์ที่เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจคือ

    “ไม่ต้องต่อแถวยาวๆ ไม่อยากเสียเวลา” เดินมาถึงตู้จะไม่ค่อยมีคน ก็ใช้งานได้เลย

    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมซื้อบัตรนี้ในราคา 2000 บาท ซึ่งจริงๆ จะซื้อถูกกว่านี้
    แต่พนักงานก็บอกเงื่อนไขอย่างนั้นอย่างนี้ ก็โอเคไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อมันก็เงินของเราอยู่แล้ว
    และเราหยิบเงินจากในนั้นมาดูหนังได้สบายๆ

    เวลาผ่านไปราวๆ เดือนกว่าๆ …

    ผมกลับไปที่ Major Central พระราม 2 อีกครั้ง เพราะมีหนังที่อยากดูเข้าฉายพอดี
    ผมเอาบัตร M-Cash ที่เพิ่งใช้ไปครั้งสองครั้ง ไปวางทาบที่ตู้ ปรากฎว่ามันไม่ทำงาน!!
    ก็มีพนักงานมาบอกว่า ของพี่เป็นบัตรรุ่นเก่าครับ ใช้ไม่ได้ พี่ต้องไปต่อแถวนะครับ
    โห แถวอย่างยาว!!! …. ต่อแถวเกือบๆ 20 นาที พร้อมกับหัวเสียที่ว่าเราไม่ต้องมาต่อแถวนี่นา

    เมื่อถึงคิวก็ได้ความว่า
    – บัตรรุ่นเก่าไม่สามารถใช้กับตู้รุ่นใหม่ได้
    – บัตรรุ่นเก่าจะเปลี่ยนมาเป็นบัตรรุ่นใหม่ไม่ได้ ถ้าเงินในบัตรยังไม่หมด
    (ของผมเหลืออีก พันกว่าบาท!!)
    – จะเปลี่ยนก็ได้ แต่ต้องเสียเงิน 100 บาท … เฮ้ย!!!!
    – ไม่งั้นก็จงไปเข้าแถวเหมือนคนอื่นซะ!!

    ปรากฎว่าถ้าผมมาดูหนังอีก ผมก็ต้องเข้าไปต่อแถวยาวๆ เหมือนคนอื่น แล้วใช้บัตร M-Cash ซื้อตั๋ว
    โดยไม่ต้องจ่ายเงิน!!

    ทำไม Major ไม่เปลี่ยนบัตรให้ลูกค้าที่มีบัตรอยู่แล้วไปแบบฟรีๆ เลยล่ะครับ คุณต้องมาเก็บเงินเค้าอีกทำไมตั้ง 100 บาท
    ในเมื่อคุณหว่านล้อมให้เค้าซื้อบัตร แล้วคุณก็เปลี่ยนตู้ซะงั้น บัตรก็ใช้ไม่ได้ มันเป็นความผิดของลูกค้าเหรอ
    ที่เค้าต้องมาจ่ายอีก 100 บาท เพราะคุณนึกจะเปลี่ยนตู้ก็จะเปลี่ยน

    แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้าดีขึ้นมาหน่อย ก็ไม่ทำช่องทางต่างหาก สำหรับคนซื้อบัตร M-Cash เอาไว้แล้วใช้ไม่ได้
    ให้เค้าได้เข้าแถวที่สั้นกว่าปกติ เพราะเค้ายอมจ่ายตรงนี้เป็นเงินก้อนมาให้คุณได้เงินไปหมุนก่อนแล้ว
    นี่ตกลงว่าผมเสียเงินเพื่ออะไรกัน เพื่อมาเจ็บใจกับการจัดการแบบไม่ได้เรื่องของ Major อย่างนั้นเหรอ

    ตอนแรกนึกว่าได้บัตร M-Cash มาแล้วจะได้ดูหนังอย่างมีความสุข มีความสุขสบายในการซื้อตั๋ว
    กลับกลายเป็นหงุดหงิดหนักกว่าเดิมเพราะการไม่จริงใจกับลูกค้าที่เค้าอุตส่าห์ยื่นให้คุณ

    ขอเถอะครับ Major ถ้าคุณทำอะไร นึกถึงหัวอกคนอื่นบ้าง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ (เปลี่ยนบัตร)
    ทำให้ลูกค้าที่เค้าอุดหนุนคุณ ลูกค้าที่เอาเงินก้อนมาให้คุณได้หมุนเงินเล่นบ้างไม่ได้เหรอครับ

    จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน – [ 14 พ.ค. 52 11:07:17 ]

    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7860968/A7860968.html

  3. อ่านๆดูเหมือนเป็นการโบ้ยความผิดให้เจ้าของบริษัทเลยนะคับ

    ถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรมก็เปลี่ยนโรงไปดูที่อื่นสิคับ ไม่ก็”หลดบิดมาดู

    แต่พิมบอกๆกันไว้ก็ดีนะจะได้ไม่ต้องไปใช้บริการโรงยี่้ห้อนี้
    ^_@

  4. เครือข่ายคนดูหนัง

    ^
    ^
    ^
    เรียนคุณขันทีแมว

    ปัญหาจริงๆ ของโรงภาพยนตร์ในบ้านเราคือการผุดของโรงภาพยนตร์แบบมัลติเพล็กซ์จนเป็นที่นิยม ซึ่งปัจจุบันก็มีอยู่เพียง 2-3 เจ้า และน่าจะเรียกว่าเป็นระบบผูกขาดนะครับ โรงที่คุณบอกให้เปลี่ยนสุดท้ายก็เป็นโรงในเครือของบริษัทเจ้าเดียวกัน ที่การบริการมีระบบคล้ายกัน นำหลักปฏิบัติไปใช้เหมือนกัน

    ส่วนโรงภาพยนตร์แบบ Stand Alone แบบเก่าก็มีปัญหาคือเป็นโรงภาพยนตร์ที่เก่า และคนแทบจะเลิกนิยมดูไปแล้วตั้งแต่ยุควิดีโอบุกตลาด

    เป็นความลักลั่นที่สร้างปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

  5. ผมไปดูหนัง Green Zone มาสองวันก่อนที่เมเจอร์เชียงใหม่ พบการเอาเปรียบผู้บริโภคอีกแบบ คือ ห้ามซื้อขนมเครื่องดื่มจากที่อื่นเข้าไปกินในโรงหนัง มีคนต้องฝากไว้เยอะแยะเลย (เพราะทุกคนที่ทำเช่นนั้นก็เพราะไม่อยากถูกเอาเปรียบจากราคาขนมและเครื่องดื่มที่โรงหนังตั้งไว้สูงกว่าราคาตลาดถึงสามสี่เท่า) และเมื่อเข้าไปนั่งแล้วผมก็ต้องทนดูโฆษณาสารพัดอีก 40 นาที ต่อไปนี้ผมดูหนังเช่าจากร้านอยู่ที่บ้านดีกว่า จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อแบบนี้ นี่คือผลจากการผูกขาด ไม่มีคู่แข่ง จึงเอาเปรียบเราได้ตามใจชอบ แต่อย่าคิดว่าเราไม่มีทางเลือกนะ ผมจะไม่ดูหนังโรงอีกแล้วจนกว่าจะทราบว่ามีการปรับปรุงในเรื่องนี้ ขอเชิญพวกเรารวมพลังผู้บริโภคด้วย

  6. เอ็มหอการค้าไทย

    อันที่จริง ตอนนี้ผมเลิกที่จะไปโรงของเครือเมเจอร์แล้วอะคับ (ยกเว้นที่ไปจะต้องไปดูจริงๆๆที่ IMAX รัชโยธิน) เพราะว่าผมได้โรงที่ดีกว่า ส่วนใหญ่ผมจะไปดูในเครือ Major Hollywood

  7. เอ็มหอการค้าไทย

    ผมเลิกไปดูแล้วคับ ที่นั้นอะ ไม่ชอบอย่างแรง สุดแสนจะไม่ประทับใจเลย ที่รามก็มี แต่ผมชอบไปดูที่ ชื่อคล้ายๆๆกันอะกัฟ Major Hollywood

  8. เอ็มหอการค้าไทย

    ที่ผมไปดู Major Hollywood ก็เพราะว่า ความรู้สึกผมนะ ผมคิดว่าที่นี้ไม่เอาเปรียบลูกค้ามากจะเกินไปอะกัฟ หลายครั้งมากที่ผมประทับใจ เช่นตอนที่ผมไปดู ห้าแพร่งกับเพื่อน จำได้ว่าไปดูกันประมาณ สิบสามคนกัฟ ซื้อในราคานักเรียน แปดสิบบาท ผมก็ว่าถูกแล้วนะ แถมเค้ายังให้คูปอง ป๊อบคอนฟรีอีกคนละถุง และก็ให้มี
    บัตร ประมาณว่าถ้ามาดูอีกก็ให้นำบัตรนี้มาซื้อ จะได้คูปองแลกป็อบคอนอีก ฟรี และเงื่อนไขก็เป็นตามบัตรทุกอย่างกัฟ ดีใจมาก เลยซื้อตั่วก็ถูกแถมได้ป็อบคอน ฟรีอีก และก็มีอีกหลายๆๆครั้งเช่น ถ้าซื้อตั๋วรอบก่อนเที่ยง จะจ่ายในราคา 80 บาท โดยไม่ต้องมีบัตรอะไรให้วุ่นวายเลย ผมกะว่าจะไปดูสามมิติที่นี้อะกัฟ เห็นเค้าบอกว่าราคา สองร้อยบาททุกที่นั่งเลยและในวันพุธลดเหลือ 150 บาททุกที่นั่ง กะว่าสอบเสร็จจะไปดูวันพุธ ถูกโคตร (ไม่เหมือนบางโรงโคตรแพง )

  9. เมเจอร์ ฮอลลีวู้ด ก็มีการขึ้นราคาแบบแปลกๆ เหมือนกันครับ แต่ไม่เยอะเท่าเครือที่คุณว่า บางท่านก็บ่นว่าช่วงหลังให้ฝากโน้ตบุ๊คกันแล้ว ก็ลองดูนะครับ หากเจอปัญหาาก็มาแจ้งได้

  10. วันนี้ไปดู Thor ที่สาขา เดอะมอลล์โคราช ใช้เงินสดชือเลยพนักงานคิดค่าหนังพร้อมค่าธรรมเนียมบัตรแล้วให้บัตร Mcash มาบอกว่าให้ไปใช้ที่ตู้โดยไม่ถามเราเลยว่าจะชื้อบัตร Mcash มั๊ย แถมบอกใช้คราวหน้าไม่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ฟังเหมือนได้ประโชนย์เลย แต่เป็นการบังคับขายบัตรให้ลูกค้าชัดๆ

  11. ตอนนนี้ต่างจังหวัดเกือบทุกที่ พนักงานไม่ขายตั๋วเงินสด (ต้องเรียก ผจก.มาด่าถึงยอมขายทุกที) จะขายแต่บัตร M-cash
    ผมรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบมาก ตอนแรกว่าจะร้องเรียน สคบ. และเบื่อที่ต้องด่าให้ขายบัตรเงินสดทุกที เลยตัดสินใจรวมเพื่อนๆ
    ในกลุ่มอีกประมาณ 10 กว่าคน เลิกดูเมเจอร์แล้ว เปลี่ยนไปซื้อแผ่น DVD แม่สายดูแทน

    ช่วยกัน เลิกใช้บริการ เมเจอร์ครับ เอาเปรียบกันเยี่ยงนี้ให้รู้สึกซะบ้าง

ใส่ความเห็น